หน้าแรก » บทความ » ซักผ้าม่านอย่างไรไม่ให้มีกลิ่นอับ ? รวมวิธีซักผ้าม่านฉบับแม่บ้านมาเอง!

ซักผ้าม่านอย่างไรไม่ให้มีกลิ่นอับ ? รวมวิธีซักผ้าม่านฉบับแม่บ้านมาเอง!

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะมองไปบ้านไหนๆ ทุกหลังล้วนมีผ้าม่านกันไปหมดเพราะนอกจากจะช่วยบังแดดและบังสายตาได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังถือเป็นเครื่องประดับยอดนิยมเพื่อตกแต่งบ้านให้มีความสวยงามอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม การยืดอายุผ้าม่านเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สะอาด และไร้สิ่งสกปรกลดกลิ่นเหม็นอับนั้นเป็นสิ่งจำเป็น การซักทำความสะอาดผ้าม่านจึงมีความจำเป็น

วันนี้เราได้รวมวิธีซักทำความสะอาดผ้าม่านราคาถูกด้วยตัวเองเพื่อให้ผ้าม่านดูใหม่และน่าใช้งานอยู่ตลอดเวลา ต่อไปนี้คือวิธีซักผ้าม่านฉบับแม่บ้านทั่วไป มีเทคนิคอะไรบ้างมาดูกัน 

  • ซักผ้าม่านราคาถูกประหยัดเงินด้วยการซักมือ 

การซักผ้าม่านด้วยมือเป็นการใช้พลังงานเยอะและนาน ต้องมีเวลาพอสมควร แต่ข้อดีคือเราจะไม่ทำให้ป้าเสีย โดยเฉพาะเนื้อผ้าคอตตอน 100% ที่มั่นใจเลยว่าสะอาดและไม่เสียทรงแน่นอน โดยเทคนิคคือควรใช้สบู่สูตรอ่อนโยนหรือผงซักฟอกสูตรธรรมดาเพื่อลดการทำเนื้อผ้าเสียและลดปัญหามือแห้งด้วย

  • ซักผ้าม่านด้วยเครื่องพ่นไอน้ำ 

วิธีนี้เหมาะสำหรับผ้าเนื้อหนาและหนัก แนะนำว่าควรใช้แปรงนุ่มๆและพ่นเป็นแนวตรงเริ่มจากบนลงล่างเพื่อให้สะอาดแบบหมดจดและทั่วถึงที่สุด และถ้ารู้สึกว่าผ้าม่านเริ่มเปียกเกินไปให้ถอยหัวพ่นไอน้ำออกห่างจากผ้าม่านนิดหน่อยด้วย

  • ซักผ้าม่านด้วยเครื่องซักผ้า

ผ้าม่านต้องเป็นแบบบางๆ เบาๆ ไม่หนาและหนักเกินไป แนะนำว่าเมื่อนำลงเครื่องให้เปิดรอบการปั่นที่ระดับต่ำสุดและใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เป็นสูตรธรรมดาและไม่มีฤทธิ์กำจัดคราบเพื่อช่วยป้องกันการหดตัวของผ้าม่าน 

ประเภทเนื้อผ้า: ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเมื่อซักผ้าม้าน

นอกเหนือจากข้างต้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาคือประเภทของเนื้อผ้าม่าน โดยแนะนำว่าควรแยกเนื้อผ้าก่อนจึงสามารถเริ่มซักได้ โดยแบ่งตามนี้

  1. ผ้าเนื้อเชียร์และผ้าลูกไม้: ซักมือด้วยน้ำเย็นผสมผงซักฟอก 1 ช้อนชา แช่ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นวนผ้าในน้ำเพื่อจำกัดเศษสิ่งสกปรกให้หลุดออก นำซักน้ำเปล่าเพื่อล้างฟองผงซักฟอกออกให้หมด แต่ถ้าเนื้อผ้าม่านแข็ง ให้ละลายเกลือทะเลกับน้ำเปล่าประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วเทลงผสมกับน้ำในกะละมัง แช่ผ้าม่านทิ้งไว้ 10 นาที เทน้ำทิ้งก่อนดึงผ้าม่านขึ้นจากกะละมัง แล้วค่อยนำไปตากแห้ง
  2. ม่านลูกปัด: ใช้ผ้าปูเตียงมาแขวนไว้ด้านหลังม่าน พร้อมทั้งปูผ้ารองเศษฝุ่นไว้ใต้ม่าน จากนั้นก็ผสมสเปรย์ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาล้างจานหรือสบู่สูตรอ่อนโยนผสมกับน้ำเปล่า นำไปฉีดพ่นม่านจากด้านบนลงด้านล่าง นำผ้าขนหนูเนื้อคอตตอนมาซับเบา ๆ ให้แห้ง ก็เป็นอันเรียบร้อย
  3. ผ้าม่านชนิดกำมะหยี่ : ส่วนมากแนะนำให้ซักแห้ง แต่บางชนิดก็สามารถซักกับเครื่องซักผ้าได้เลย ฉะนั้นจึงต้องอ่านป้ายสัญลักษณ์ให้ดี ๆ สำหรับกำมะหยี่ที่ซักในเครื่องซักผ้าให้ใช้น้ำเย็น และตากโดยการวางพาดบนผ้าคอตตอนให้แห้ง

ใช้บริการซักผ้าม่านเพื่อลดเวลาและประหยัดพลังงาน

ถ้าอยากลดเวลาและประหยัดพลังงานในการซักผ้าม่าย แถมยังได้ซักผ้าม่านราคาถูกใจ ประสิทธิภาพถูกอนามัยแล้วด้วย แนะนำว่าควรใช้บริการซักผ้าม่านเพื่อความสะอาดที่ทั่วถึงและสภาพแวดล้อมที่ปลอดโปร่งมากขึ้น 

การใช้บริการซักผ้าม่านสามารถช่วยลดเวลาและประหยัดพลังงานได้อย่างมาก โดยเฉลี่ยแล้ว ช่างซักผ้าสามารถซักผ้าม่านได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับเวลาที่ต้องใช้เวลาซักผ้าม่านด้วยตัวเองประมาณ 2-3 วัน นอกจากนี้ การซักผ้าม่านด้วยมือหรือเครื่องซักผ้าที่บ้านยังต้องใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำเป็นจำนวนมาก การเลือกใช้บริการซักผ้าม่านจึงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านของคุณได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การใช้บริการซักผ้าม่านยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อผ้าม่านอีกด้วย เนื่องจากช่างซักผ้ามืออาชีพมีทักษะและประสบการณ์ในการซักผ้าม่านโดยเฉพาะ ผู้ให้บริการจะเลือกใช้วิธีการซักผ้าม่านที่เหมาะสมกับชนิดของผ้าม่าน ทำให้ผ้าม่านของคุณสะอาดหมดจดและปลอดภัยจากความเสียหาย ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำความสะอาดผ้าม่านได้อย่างสะดวก ประหยัดเวลา และประหยัดพลังงาน การเลือกใช้บริการซักผ้าม่านจากร้านซักผ้ามืออาชีพถือเป็นทางเลือกที่ดี 

 

Scroll to Top